จากการเสวนาของ ผศ. สุวิชาญ พัฒนาไพรวัลย์ เลขาธิการเครือข่ายกะเหรี่ยงเพื่อวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม ได้ชี้ให้เห็นถึงภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนเผ่าพื้นที่สูงในการจัดการภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบัน ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้:
1. ภูมิปัญญาดั้งเดิมของชนเผ่าพื้นที่สูงในการจัดการภัยพิบัติ
ชนเผ่าพื้นที่สูงมีวิธีการเลือกพื้นที่ตั้งถิ่นฐานและสร้างบ้านเรือนที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม เพื่อรับมือกับภัยพิบัติ เช่น บ้านในพื้นที่ริมน้ำจะสร้างใต้ถุนสูงเพื่อป้องกันน้ำท่วม และมีการปล่อยสัตว์เลี้ยงโดยไม่มัดหรือกักขัง เพื่อให้สัตว์สามารถหลบหนีได้เมื่อเกิดภัยพิบัติ.
2. การผลิตและการเลี้ยงสัตว์ที่ยั่งยืน
ชาวชนเผ่ามีระบบการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์ที่ไม่ทำลายธรรมชาติ เช่น การตัดไม้โดยไม่ทำให้ต้นไม้ตาย เพื่อให้ต้นไม้สามารถเติบโตใหม่ได้ และการเลี้ยงสัตว์แบบปล่อยเพื่อให้สัตว์หนีภัยได้ตามธรรมชาติ ภูมิปัญญาเหล่านี้ช่วยให้ชนเผ่าสามารถดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลง.
3. การอ่านสัญญาณธรรมชาติ
ชนเผ่าสามารถอ่านสัญญาณธรรมชาติในการทำนายภัยพิบัติได้อย่างแม่นยำ เช่น การสังเกตผลของต้นมะเดื่อที่สามารถบ่งบอกปริมาณน้ำฝน หรือการดูหางของตะกวดเพื่อคาดการณ์สภาพอากาศ สิ่งเหล่านี้ช่วยเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
4. การหมุนเวียนถิ่นฐานเพื่อหลบหลีกภัยพิบัติ
ชนเผ่ามีระบบการย้ายถิ่นฐานเป็นระยะเพื่อหลบหลีกภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งการหมุนเวียนและโยกย้ายนี้เป็นวิธีหนึ่งในการลดความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ และเพิ่มโอกาสรอดชีวิตเมื่อเกิดภัยพิบัติ.
5. การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์และการฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ
ชาวชนเผ่ามีระบบการเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์สำคัญ เช่น ข้าวและเผือก ซึ่งใช้ในการฟื้นฟูและสร้างความมั่นคงทางอาหารหลังจากเกิดภัยพิบัติ การเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์นี้ถือเป็นภูมิปัญญาที่ทำให้ชนเผ่าสามารถฟื้นฟูตนเองได้ในยามวิกฤติ.
6. ปัจจัยที่ทำให้ศักยภาพในการจัดการภัยพิบัติลดลง
การเปลี่ยนแปลงในวิถีชีวิตและสภาพแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสร้างบ้านและการเกษตร ส่งผลให้ภูมิปัญญาดั้งเดิมไม่สามารถนำมาใช้ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ สภาพภูมิอากาศที่ซับซ้อนขึ้น ทำให้การคาดการณ์และการรับมือภัยพิบัติยากลำบากมากขึ้นกว่าในอดีต.
7. แนวทางรับมือภัยพิบัติในยุคปัจจุบัน
ผศ. สุวิชาญ เสนอให้มีการสร้างเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชนเผ่าและภาคีอื่น ๆ เพื่อพัฒนาการเรียนรู้และการรับมือภัยพิบัติที่ผสมผสานทั้งภูมิปัญญาดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพราะการรับมือภัยพิบัติในยุคปัจจุบันต้องใช้ความรู้ที่หลากหลายและเหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว.
ที่มา : https://policywatch.thaipbs.or.th/forum/21