ความเสี่ยงและการจัดการภัยพิบัติจากดินถล่ม: บทเรียนจากงานวิจัยและการเสวนาของ รศ. สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์

ความเสี่ยงและการจัดการภัยพิบัติจากดินถล่ม: บทเรียนจากงานวิจัยและการเสวนาของ รศ. สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์

1. ความเสี่ยงของพื้นที่ลาดชัน พื้นที่ที่มีลักษณะเป็นภูเขาหรือมีความลาดชันสูง ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดดินถล่ม โดยเฉพาะเมื่อมีฝนตกหนักเกินกว่าปกติ ดินถล่มในลักษณะนี้พบมากในพื้นที่เช่น ดอยช้างและเวียงแก่น ซึ่งดินมีการเคลื่อนตัวอยู่ตลอด ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเรือนและโครงสร้างต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่ในบริเวณดังกล่าว​​.

 

2. ปัญหากฎหมายและการจัดการพื้นที่ ถึงแม้จะมีกฎหมายควบคุมอาคารและการขุดดิน-ถมดิน แต่ในพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่ที่มีข้อพิพาท กฎหมายเหล่านี้ไม่สามารถบังคับใช้ได้เต็มที่ ทำให้การจัดการความเสี่ยงจากดินถล่มในพื้นที่เหล่านี้เป็นไปอย่างยากลำบาก ข้อจำกัดทางกฎหมายยังเป็นอุปสรรคสำคัญในการพัฒนาหรือย้ายถิ่นฐานของชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยง​.

3. การจัดการน้ำและโครงสร้างพื้นฐาน การจัดการระบบน้ำในพื้นที่สูงเป็นปัจจัยสำคัญในการลดความเสี่ยงจากดินถล่ม ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ ชุมชนอาข่า ป่ากล้วย ซึ่งมีการจัดการระบบน้ำได้ดี ทำให้สามารถป้องกันดินถล่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้โครงสร้างพื้นฐานทางวิศวกรรม เช่น ระบบระบายน้ำและการป้องกันดินถล่ม ยังช่วยลดความรุนแรงของภัยพิบัติได้เป็นอย่าง

4. การอพยพและการจัดสรรพื้นที่ใหม่ การอพยพชุมชนในพื้นที่เสี่ยงเป็นแนวทางหนึ่งที่ถูกเสนอเพื่อป้องกันภัยพิบัติ ในกรณีของหมู่บ้านห้วยขาบ ได้มีการย้ายชุมชนไปยังพื้นที่ที่ปลอดภัยกว่า อย่างไรก็ตาม การอพยพยังต้องเผชิญกับปัญหาทางเอกสารสิทธิ์และการหาพื้นที่ใหม่ที่เหมาะสม ซึ่งทำให้กระบวนการนี้เป็นไปอย่างซับซ้อน​​.

5. การทำข้อตกลงชุมชนและความร่วมมือ การทำข้อตกลงชุมชนถือเป็นกลไกสำคัญในการจัดการภัยพิบัติและลดความเสี่ยงจากดินถล่ม ชุมชนสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ในการใช้พื้นที่และการดำรงชีวิตร่วมกับหน่วยงานของรัฐ เพื่อให้การใช้พื้นที่เป็นไปอย่างยั่งยืนและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การทำข้อตกลงในพื้นที่ดอยช้างและแม่สลองนอก ช่วยให้ชุมชนสามารถจัดการความเสี่ยงในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น​.

6. แนวทางการแก้ปัญหาในอนาคต เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงจากดินถล่มในอนาคต รศ. สุทธิศักดิ์ ได้เสนอให้ใช้โครงสร้างทางวิศวกรรมในการป้องกันภัยพิบัติในลักษณะเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ทำ นอกจากนี้ การวางแผนเศรษฐกิจเพื่อพัฒนาพื้นที่ใหม่สำหรับชุมชนที่เสี่ยงภัย ยังถือเป็นแนวทางหนึ่งที่สามารถนำมาพิจารณาเพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว​​.

Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *