ผืนผ้าเล่าขาน แต่ไม่นานจะเลือนหาย
เพราะกาลเวลา ได้เคลื่อนคล้อยเปลี่ยนไป
ผู้สืบสานเริ่มหนีหาย หวั่นใจจะสูญ
งานฝีมือเริ่มเลือน ค่าความบริบูรณ์
หวังใจใบบุญ จะกลับมาดังเดิม
อนาคตฝากฝัน ถักทอเสริมเติม
ด้วยใจที่ฮึกเหิม รักษามรดก
ให้เรื่องราวผ้าซิ่น ไม่สิ้นไม่ตก
ยังคงทอ ยังคงยก ลายงามวิจิตร
สายใยบรรพชนผูกพันกันสนิท
สืบศิลป์ให้เป็นดั่งชีวิต ยั่งยืนกันสืบไป



“อุ้ยก็ทำไปนั่นแหละ ทำไปเรื่อยๆ เราก็ชอบ เราก็ทำไป อุ้ยนี่ทอมาทั้งชีวิต เกิดมาหม่อนก็ทอให้อุ้ย แต่งงานก็ทอผ้า จะตายก็ทอผ้า”
แม่อุ้ยฟอง ทะนนท์ ช่างทอผ้าไทลื้อ บ้านกล้วย อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ผู้ส่งต่อลมหายใจของช่างทอ สู่ลมหายใจแห่งชุมชน…
การทอผ้าเป็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนไทลื้อบ้านกล้วย อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย ที่อพยพมาจากดินแดน สิบสองปันนาโดยการนำเอาเมล็ดฝ้ายติดตัว มาด้วย เมื่อปักหลักตั้งรกรากที่ใดก็จะปลูกต้นฝ้าย ซึ่งปัจจัยสำคัญในการทอผ้า เดิมทีทุกครอบครัวจะทอเป็นเครื่องนุ่งห่มและนำมาประดิษฐ์เป็นผ้าทอที่มีลวดลายที่เกิดจากการนำเอาความเป็นธรรมชาติของสิ่งแวดล้อมในชุมชนมาจินตนาการเป็นลวดลายต่างๆ เช่น ลายน้ำไหล หรือ ลายก่านคอควาย
“ก็พอได้ค่าผักค่าปลา แต่อุ้ยก็ไม่ได้ทำตลอดหรอก ก็ป่วยออดๆแอดๆ”

การทอผ้าก็เคยเป็นบทบาทหนึ่งของสตรีล้านนามาแต่อดีต จนในปัจจุบันยากที่จะพบเห็นเนื่องการระบบเศรษฐกิจทุนนิยม และเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ตอบสนองความต้องการได้รวดเร็วกว่าการทอด้วยมือกลุ่มสตรีไทลื้อของกลุ่มทอผ้า
ไทลื้อชุมชนบ้านกล้วย อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เป็นกลุ่มเล็กๆอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังคงสืบสานการทอผ้าที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวไทลื้อด้วยเทคนิคที่เกือบจะเลือนหายไปในยุคปัจจุบัน
“เด็กน้อยที่คุณครูเขาพามาเที่ยว เขาก็มาดูอุ้ยทอผ้านี่แหละ ดีใจ ถ้ามาบ่อยๆก็น่าจะดีเนาะ อุ้ยก็จะได้ให้เขาช่วยทำ ไม่อยากให้มันหาย”
เนื่องด้วยกาลเวลาที่เปลี่ยนผ่านไปทำให้ผู้ที่มีความสามารถในการทอผ้าไทลื้อลดเหลือน้อยลง จนถึงในปัจจุบันเหลือช่างทอเพียง 3 คน เนื่องจากปัญหาการสืบทอดเทคนิคและขาดผู้ที่สนใจในการทอผ้าไทลื้อเป็นสาเหตุให้ไม่เกิดการสืบสานลวดลายของดั้งเดิมไว้ การแต่งกายแบบดั้งเดิมหาดูได้ยากมากนอกจากจะมีงานสำคัญหรือพิธีกรรมต่างๆเท่านั้น
กลุ่มทอผ้าไทลื้อบ้านกล้วยได้ทำการทอผ้าซิ่นไทลื้อขึ้นมาก็จะทำขึ้นเพื่อการซื้อขายเพียงเท่านั้นไม่ได้มีไว้เพื่อนุรักษณ์หรือเป็นแบบแผน ตัวอย่างให้กับคนรุ่นหลัง และ มีปัญหาที่ชาวไทลื้อในชุมชนแห่งนี้ เมื่อมีผู้ตายก็จะนำผ้าและของใช้ของผู้ตายนั้นเผาไปกับศพด้วย จึงเป็นเหตุทำให้รูปแบบดั้งเดิม ผ้าเก่าที่มีลวดลายปราณีตของผ้าทอไทลื้อบ้านกล้วยนั้นเริ่มศูนย์หาย อีกทั้งในเรื่องของการเลิกทอผ้าของสตรีไทลื้อในชุมชนแห่งนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ที่ทำให้ไม่มีผู้สืบทอดการทอผ้าของไทลื้อบ้านกล้วย มีเพียงไม่กี่หลังคาเรือนที่ยังคง รักษา และยังคงทอผ้าไทลื้ออยู่ภายในชุมชน แต่จะนำออกมาสวมใส่ก็ต่อเมื่อมีพิธีกรรมทางศาสนาและวันสำคัญเพียงเท่านั้น…
นี่จึงเป็นเรื่องราวของผ้าซิ่นไทลื้อไม่ใช่แค่เรื่องที่อยากอยู่แค่ในอดีต แต่คือ ‘ลมหายใจ’ ที่อยากส่งต่อและยังคงรอคอยซึ่งการสืบสาน
ผลงานชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ ขบวนการสร้างเรื่อง โดยความร่วมมือของ เชียงรายสนทนา ร่วมกับ หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนากำลังคน และทุนด้านการพัฒนาสถาบันอุดมศึกษา การวิจัยและการสร้างนวัตกรรม (บพค.) คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย Thai Media Lab และ มหาวิทยาลัยพะเยา